“ออร์บิกซ์” กระดานเทรดคริปโท KBANK ชูฟีเจอร์สแกนใบหน้า-คำนวณกำไรขาดทุนทุกเหรียญ
KBANK รุกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ฮุบ “สตางค์โปร” ศูนย์ซื้อขายคริปโทฯ
กสิกรไทยรุกหนักเวียดนาม ตั้งเป้าใหญ่ติด 20 อันดับแรกในปี 2570
กลุ่มธุรกิ
ทั้งนี้การสมัครใช้บริการออร์บิกซ์ สามารถเลือกวิธีการยืนยันตั
ฟีเจอร์ใหม่ออร์บิกซ์
- ระบบล็อกกระเป๋าสองชั้น Wallet Lock ที่ใช้ระบบสแกนใบหน้า (Face Scan) ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งลูกค้าสามารถตั้งค่าเปิด-ปิดได้
- ฟีเจอร์ใหม่ช่วยนักเทรด Price Alert ตั้งเตือนราคาได้สูงสุด 10 รายการ และจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
- ระบบช่วยคำนวณต้นทุนเหรียญ orbix Balance ที่สามารถรับรู้ผลกำไร-ขาดทุนได้ในทุกเหรียญที่ซื้อเข้ากระเป๋า โดยจะเปิดให้บริการภายในเดือน ธ.ค.66
นายชาญวิทย์ รุ่งเรืองลดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทรด จำกัด เปิดเผยว่า ออร์บิกซ์ เป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล มุ่งเน้นสร้างความมั่นใจและปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน โดยสินทรัพย์ บริการต่าง ๆ จะได้รับการดูแลและปกป้องเป็นอย่างดี ซึ่งเชื่อว่า ออร์บิกซ์ จะเป็นส่วนช่วยในการรองรับการเติบโต และผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศในอนาคตคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง
โดยออร์บิกซ์ ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มที่มีความรับผิดชอบต่อลูกค้า โดยจะมีการพิจารณาเหรียญที่จะให้เข้ามาซื้อขายในกระดาน เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจว่าเหรียญที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาในกระดานเทรดจะเป็นเหรียญที่มีคุณภาพ ซึ่งจะมีกระบวนการพิจาณาเหมือนกับผลิตภัณฑ์ของธนาคาร และจะมีการแจ้งเตือนลูกค้าก่อนลบเหรียญออกจากกระดาน
ขณะที่ปัจจุบัน ออร์บิกซ์ มีลูกค้าที่ลงทะเบียน และยืนยันตัวตนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 200,000 ราย และมีมูลค่าซื้อขายเดือน ต.ค.อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท
“เราตั้งเป้าอยากจะเป็น ท็อปทรี ในอีกสัก 3 ปีข้างหน้า เราคงจะเน้นในเรื่องของยูสเซอร์ ที่เรามีเป็นหลัก เพราะตัวโวลุ่มเทรดบางทีก็มีปัจจัยประกอบหลายอัน เพราะฉะนั้นในเชิงของการตั้งเป้าหมายก็คงจะเป็นท็อปทรีในเชิงของยูสเซอร์ที่เข้ามาใช้บริการภายในสัก 3 ปีข้างหน้า”กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์กล่าว
นายชาญวิทย์ ยอมรับว่า Satang Pro ในช่วงที่ซื้อกิจการเข้ามายังมีผลดำเนินงานขาดทุน แต่ตั้งเป้าหมายภายใน 2 ปีนับจากนี้ จะทำให้กลับมามีกำไร ส่วนการแก้ปัญหาสภาพคล่องน้อยนั้น จะต้องเพิ่มผู้ใช้งานให้มากขึ้น และดึงบริษัทหลักทรัพย์ด้านทรัพย์สินดิจิทัลมาเชื่อมต่อกับกระดานเทรด ซึ่งบริษัทอยู่ในช่วงกำลังศึกษา ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการจัดการ
สำหรับผู้ให้บริการรายอื่นที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคต เชื่อว่าการมีผู้ให้บริการในตลาดเพิ่มขึ้น จะเป็นผลดีต่อลูกค้า ซึ่งจะมีทางเลือก และผู้ประกอบการก็จะได้พัฒนาตนเอง เพื่อให้ลูกค้าไว้วางใจในการให้บริการ อีกทั้งเป็นผลดีต่อการขยายตัวในอุตสาหกรรมทรัพย์สินดิจิทัล ปัจจุบันมีผู้ให้บริการในไทยที่ได้รับใบอนุญาตแล้วเกือบ 10 ราย
ส่วนที่เกิดปัญหากับผู้ให้บริการบางรายนั้น ตอนนี้มีหน่วยงานกำกับดูแลได้มาเข้าควบคุม และมีการกำหนดกติการเพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับนักลงทุนเพิ่มขึ้นจึงอยากให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้ นายชาญวิทย์ ระบุว่า อยากให้รัฐบาลสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในเชิงนำไปใช้ ผ่านทางหน่วยงานที่ดูแล หรือออกกฎหมาย เพื่อให้เอื้อในการนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ และหากมีการกำกับดูแลที่ดีก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจในภาพรวมเติบโต รวมถึงสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจได้
รัฐบาลเมียนมา ระดมทหารนับหมื่นป้องกันเมืองหลวง
ครม.ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 10% ชั้นผู้น้อยสตาร์ท 18,000 บาท
เปิดสถิติหวยออกย้อนหลัง 15 ปี งวด 1 ธันวาคม